วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

บริษัทส่วนใหญ่จะสามารถใช้คะแนน TOEIC ในการเลือกคนเข้าทำงานอย่างไร?



คะแนนโทอิคคือตัวทำนายว่าคนๆนั้นเหมาะสมกับตำแหน่งนั้น ๆ มั้ย…

บริษัทก็กลัวการรับคนเข้ามาทำงานใหม่—พอๆกับเราที่กลัวการสัมภาษณ์ที่บริษัท  เพราะอะไร?
เพราะขั้นตอนการสมัครงาน และสัมภาษณ์ไม่สามารถการรันตีได้ว่าคนๆนี้จะมีความสามารถและคุ้มค่ากับการลงทุนทาง training ต่อบริษัทมั้ย?
หรือที่บอกว่า “fluent in English” อะ….เก่งภาษาขนาดไหน?
Resume ก็เหมือนกับการพูดถึงตัวเราเอง..ก็ต้องมีแต่เรื่องที่ดีๆอยู่แล้ว—บริษัทจึงต้องหาตัวข้อสอบที่เป็นมาตรฐาน และสามารถใช้เปรียบเทียบความสามารถทางภาษาของผู้เข้าสมัครงานได้—ข้อสอบโทอิคจึงถูกเลือก เพราะเน้นทักษะ/ภาษาและคำศัพท์ที่ใช้ในธุรกิจทั่วไป!
ตามปกติ ถ้าคุณจะสมัครงาน คะแนนโทอิคของคุณควรอยู่ที่อย่างน้อย 550/990 ครที่ยังไม่มีคะแนนโทอิคหรือคะแนนยังไม่ถึง ควรฝึกทักษะทางภาษาเพื่อให้ได้คะแนนนี้มาครอบครอง เพราะถึงแม้ว่าตำแหน่งที่เราอยากได้จะไม่ต้องการคะแนนโทอิค คุณยื่นคะแนนพร้อมใบสมัครก็ไม่เสียหายอะไร  แถมยังเพิ่มโอกาสในการถูกเรียกเข้าสัมภาษณ์ขึ้นมาอีก 80%!

คะแนนโทอิคที่คุณมี..สื่อความหมายแบบไหนให้บริษัทที่คุณต้องการเข้าทำงาน?

ถ้าได้คะแนนโทอิคน้อยกว่า 500 หรือไม่มีคะแนนโทอิค  คุณควรพยายามเพิ่มคะแนนนี้ก่อนที่จะมายื่นให้บริษัทดู  เพราะมันสื่อถึงความไม่พร้อมทางด้านภาษา  และเรียนรู้ภาษาค่อนข้างยาก รวมทั้งไม่มีความตั้งใจในการพัฒนาตนเองให้ดีกว่านี้ (ถ้าทักษะของตัวเองยังไม่อยากพัฒนา–แล้วจะทำหน้าที่ในงานได้ดีอย่างไร?)
ถ้าได้คะแนนโทอิค 500-600 บริษัทจะเข้าใจว่าคนๆนี้ มีความรู้รอบตัว เข้าใจว่าสิ่งแวดล้อมต้องการทักษะทางภาษา และก็พยายามปรับปรุงตัวเองเพื่อเข้ากับการทำงานยุคใหม่  มีคุณสมบัติที่ดี สมควรกับการเข้ารับทำงาน  เรียนรู้ได้เร็ว
ถ้าได้คะแนนโทอิค 600+ คุณจะได้รับโทรศัพท์ให้เข้าไปสัมภาษณ์ทันทีที่เค้าดูใบสมัครของคุณ  เพราะคุณคือบุคลากรที่มีค่าในสายตาของเค้า  นอกเหนือจากความสามารถทางภาษาที่ใช้ได้พอสมควร..  คะแนนนี้แสดงถึงความกระตือรือร้นในการพัฒนาตัวเองในทางภาษาและรอบด้านอย่างที่สุด  คุณน่าจะเป็นคนที่สมควรกับการได้รับมอบหมายให้ทำโปรเจคใหญ่ๆ เพราะทางบริษัทเชื่อว่า นอกจากคุณจะทำเสร็จ–คุณจะทำได้ดีมากอีกด้วย!


แนวทางในการเพิ่มคะแนนโทอิค

ถ้าคุณยังไม่เคยสอบโทอิค - แนะนำให้ลองสอบดูก่อน  ให้เห็นการสอบ เห็นบรรยากาศห้องสอบ และที่สำคัญที่สุด เห็นคะแนนของตัวเองว่าอยู่ในระดับไหน แล้วมันใช้ได้มั้ย?  ถ้าคุณได้เห็นคะแนนของตัวเอง คุณจะรู้จุดยืน และสมองจะเริ่มหาแนวทางในการพัฒนาเพิ่มคะแนนจากจุดๆนี้ ไปยังจุดที่คุณต้องการได้  ไฟสู้ก็จะเริ่มลุกขึ้น!
ถ้าคุณเคยสอบแล้ว แต่ยังได้คะแนนไม่ดี – แนะนำให้หาติวเตอร์ที่สามารถช่วยแนะนำการทำข้อสอบนี้  หลายคนคิดว่าจะสามารถติวเองได้ ก็จริงนะ  แต่ส่วนมากก็ได้ไม่เกิน 500 คะแนน เพราะคุณยังไม่รู้ทางลัดอีกมากมายในการทำข้อสอบนี้  คนที่ทำข้อสอบนี้มาร้อยกว่าครั้งจะเห็นรูปแบบข้อสอบอย่างชัดเจน และจะช่วยให้คุณสามารถประหยัดเวลาในการติว, หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่นักเรียนส่วนใหญ่มักทำ และไปถึงคะแนนที่ตัวเองต้องการอย่างรวดเร็วขึ้น